โรคข้อเสื่อม (Osteoarthritis) เป็นโรคที่เกิดจากความเสื่อมของกระดูกอ่อน (Cartilage) บริเวณผิวข้อ ทั้งทางด้านรูปร่างและโครงสร้าง ส่งผลให้กระดูกอ่อนบางลงจนทำให้เกิดการเสียดสีกันของกระดูก เป็นโรคที่พบมากในวัยกลางคนและผู้สูงอายุซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะผู้ที่มีภาวะข้อเข่าเสื่อมมากๆจะมีอาการปวดข้อ ข้อเข่าผิดรูป ข้อฝืด หรือข้อติด เดินได้ไม่ปกติ การทำกิจประจำวันต่างๆ ทำได้ไม่สะดวกส่งผลให้เกิดความทุกข์ทรมานทั้งด้านร่างกายและจิตใจ ดังนั้นการดูแลสุขภาพข้อเข่าจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก วันนี้วิสทร้ามีสาระดีเกี่ยวกับโรคข้อเข่าเสื่อมมาฝาก รวมถึงสารอาหารต่างๆที่ช่วยในการดูแลสุขภาพข้อ แต่ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับโรคข้อเข่าเสื่อมกันก่อน มีอะไรบ้างตามไปดูกันเล้ย…
โรคข้อเข่าเสื่อมสามารถแบ่งออกได้เป็น 5 ระยะ สรุปได้ดังนี้
· ระยะ0 หรือระยะก่อนเกิดโรคข้อเข่าเสื่อม (Stage 0 : Normal) เป็นระยะที่กำหนดให้ข้อเข่าปกติแข็งแรง อาจมีความเสียหายเริ่มเกิดขึ้นในระดับเซลล์ แต่ยังไม่มีอาการหรืออาการแสดงทางคลินิกที่บ่งชี้ว่าเป็นอาการเสื่อมของข้อ
· ระยะ 1 (Stage1 : Minor) มีการเริ่มสูญเสียกระดูกอ่อนบางส่วนระหว่างข้อต่อประมาณ 10% ช่องว่างระหว่างข้อต่อยังไม่เล็กลง มักจะไม่พบความเจ็บปวดหรือความรู้สึกไม่สบายใดๆ อันเป็นผลมาจากการสึกหรอเพียงเล็กน้อยบนส่วนประกอบของข้อต่อ
· ระยะที่ 2 (Stage 2 : Mild) การเสื่อมของข้อเข่าถือเป็นระยะที่ไม่รุนแรง กระดูกอ่อนเริ่มแตก ข้อต่อแคบลง มีการเกิดกระดูกพรุน แต่ยังดูเป็นปกติของเหลวไขข้อจะยังคงมีอยู่ในระดับที่เพียงพอสำหรับการเคลื่อนไหวของข้อต่อตามปกติ
· ระยะที่ 3 (Stage 3 : Moderate) จัดเป็นระยะการเสื่อมของข้อระดับปานกลาง ในระยะนี้ กระดูกอ่อนระหว่างกระดูกแสดงความเสียหายอย่างชัดเจน และช่องว่างระหว่างกระดูกเริ่มแคบลง ผู้ที่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อมระยะที่ 3 มักมีอาการปวดบ่อยครั้งเมื่อเดิน วิ่ง งอขา หรือคุกเข่า อาจมีอาการตึงตามข้อหลังจากนั่งเป็นเวลานานหรือเมื่อตื่นนอนตอนเช้า มีอาการบวมตามข้อหลังจากการเคลื่อนไหวเป็นเวลานานด้วยเช่นกัน
· ระยะที่ 4 (Stage 4 : Severe) ถือเป็นการเสื่อมของข้อระดับรุนแรง ผู้ที่อยู่ในระยะนี้จะรู้สึกเจ็บปวดและไม่สบายอย่างมากเมื่อเดินหรือขยับข้อ นั่นเป็นเพราะช่องว่างระหว่างกระดูกลดลงอย่างมาก กระดูกอ่อนหายไปเกือบทั้งหมด ทำให้ข้อต่อแข็งและอาจขยับไม่ได้ ของเหลวบริเวณไขข้อลดลงอย่างมาก และไม่ช่วยลดแรงเสียดทานระหว่างส่วนที่เคลื่อนไหวของข้อต่ออีกต่อไป
ปัจจัยที่ทำให้เกิดข้อเข่าเสื่อม
อาการของโรคข้อเข่าเสื่อม
ดูแลสุขภาพข้อเข่าด้วย Collagen Type ll (UC-II®)
คอลลาเจน ไทพ์ทู (Collagen Type ll) คือ คอลลาเจนชนิดที่ 2 ชนิดเดียวกันกับที่พบในเซลล์กระดูกอ่อนบริเวณข้อ แตกต่างจากคอลลาเจนที่พบในเซลล์ผิวหนังที่เป็นคอลลาเจนชนิดที่ 1 และ 3 (Collagen Type 1 and Collagen Type 3) คอลลาเจนไทพ์ทู นี้มีหน้าที่รองรับน้ำหนักและให้ความแข็งแรงกับข้อต่อในขณะที่มีการเคลื่อนไหว ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของส่วนประกอบที่อยู่ในข้อ โดยกระตุ้นให้มีการสังเคราะห์เซลล์ใหม่เพิ่มขึ้น ช่วยเพิ่มระดับกรดไฮยาลูโรนิค (Hyaluronic acid) ซึ่งเป็นส่วนประกอบของน้ำหล่อเลี้ยงในข้อ และยังยับยั้งการหลั่งเอนไซม์ที่ย่อยทำลายกระดูกอ่อนบริเวณข้อ จึงช่วยลดอาการปวดข้อและข้อยึดได้ ทำให้การเคลื่อนไหวของร่างกายดีขึ้น
คอลลาเจนไทพ์ทูที่มีจำหน่ายในปัจจุบัน แบ่งได้ 2 ประเภท ได้แก่
อันดีเนเจอร์ คอลลาเจนไทพ์ทู (Undenatured Collagen Type II) หรือ UC-II® คือ คอลาเจนชนิดที่ 2 เป็นคอลลาเจนเข้มข้นจากธรรมชาติ มีคอลลาเจนชนิดที่ 2 ที่ไม่ถูกทำลายถึง 25% เป็นนวัตกรรมเฉพาะที่ผลิตภายใต้อุณหภูมิต่ำ และไม่ใช้เอนไซม์ในกระบวนการสกัด เพื่อคงโครงสร้างคอลลาเจนที่สมบูรณ์ใกล้เคียงกับCollagen Type II ที่มีในร่างกาย (เป็นแบบ Triple Helix Structure)
UC-II ลดความเจ็บปวดลงอย่างมีนัยสำคัญระหว่างทำกิจกรรมประจำวันบางอย่าง เช่น เดินบนพื้นเรียบ ทำงานบ้านหนัก เดินขึ้นและลงบันได และขณะพักผ่อนบนเตียงเมื่อเปรียบเทียบกับการรับประทานกลูโคซามีนร่วมกับคอนดรอยติน
การศึกษาในมนุษย์ของ Bagchi D et al., 2002 ทำการศึกษาโดยให้ผู้หญิง 5 คนที่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อม รับประทาน UC-II® 40 มก. ต่อวันเป็นเวลา 42 วัน พบว่า การรับประทาน UC-II® สามารถช่วยลดอาการปวดตึงในตอนเช้าและอาการฝืดเคืองติดขัดของข้อในช่วงเวลาพักผ่อน ความเจ็บปวดลดลงโดยเฉลี่ย 26% อย่างมีนัยสำคัญ
จบปัญหาปวดอักเสบของข้อด้วยสารสกัดจากขมิ้นชัน
ขมิ้นชัน (Curcuma longa L.) เป็นยาสมุนไพรในบัญชียาหลักแห่งชาติ ตั้งแต่พ.ศ. 2555 ในกลุ่มยารักษากลุ่มอาการระบบทางเดินอาหาร สรรพคุณขับลม บรรเทาอาการท้องอืดท้องเฟ้อ แต่ในปัจจุบันมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ทั้งในสัตว์ทดลองและทางคลินิกที่ระบุว่า ขมิ้นชันมีฤทธิ์บรรเทาอาการอักเสบของข้อในผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อม (Knee Osteoporosis) โดยให้ผลดีใกล้เคียงกับการใช้ยาแผนปัจจุบัน จึงทำให้ขมิ้นชันจัดอยู่ในรายการยาเพิ่มเติมที่จะผลักดันสู่บัญชียาที่พัฒนาจากสมุนไพรในกลุ่มยารักษาอาการทางกล้ามเนื้อและกระดูก
ขมิ้นชัน มีสารสำคัญในกลุ่มเคอร์คูมินอยด์ (curcuminoids) มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ โดยยับยั้งเอนไซม์และสารที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการอักเสบหลายชนิด เช่น cyclooxygense-2, leukotrines, thromboxane, prostaglandins, nitric oxide, collagenase, elastase, hyaluronidase, monocyte chemoattractant protein-1, interferon-inducible protein, tumor necrosis factor (2-12) และมีความเป็นพิษต่ำ จึงถูกนามาพัฒนาใช้เป็นทางเลือกในการบรรเทาอาการข้ออักเสบผู้ป่วยที่มีภาวะข้อเข่าเสื่อมหรือข้อเข่าอักเสบ
งานวิจัยทางคลินิกของขมิ้นชัน ที่เกี่ยวข้องในการรักษาอาการข้อเข่าเสื่อม (Clinical Study )
จากรายงานการศึกษาทางคลินิคสามารถสรุปได้ว่า ขมิ้นชันมีส่วนช่วยในการลดการอักเสบอันเนื่องมาจากข้อเข่าเสื่อมได้อย่างมีนัยยะสำคัญทางสถิติ มีความปลอดภัยสูง ไม่พบความเป็นพิษของขมิ้นชัน มีแนวโน้มที่ดีที่จะนำไปใช้ในการรักษาอาการข้อเข่าเสื่อม ทั้งให้ประสิทธิผลใกล้เคียงกับการใช้ยาแก้ปวดและยาต้านอักเสบแผนปัจจุบัน
สารอาหารอื่นๆที่ช่วยดูแลสุขภาพข้อ
วิตามินซีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สามารถลดการอักเสบและปวดข้อได้ด้วยการต่อต้านอนุมูลอิสระและขับออกจากร่างกาย นอกจากนี้ยังช่วยปกป้องเนื้อเยื่อเกี่ยวพันรอบข้อต่อโดยส่งเสริมการผลิตคอลลาเจน ซึ่งเป็นโปรตีนหลักในข้อต่อและเนื้อเยื่อกระดูก
วิตามินอี ช่วยป้องกันหรือรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและสารที่ช่วยนการต้านการอักเสบจากการศึกษาพรีคลินิกและในมนุษย์ การศึกษาในเซลล์พบว่าวิตามินอีช่วยลดความเครียดจากปฏิกิริยาออกซิเดชันในเนื้อเยื่อกระดูกอ่อนหรือการเพาะเลี้ยงเซลล์ถุงอัณฑะที่เกิดจากความเครียดทางกลหรืออนุมูลอิสระ การศึกษาในสัตว์ทดลองชี้ให้เห็นว่าการรักษาด้วยวิตามินอีช่วยป้องกันการเสื่อมสภาพของกระดูกอ่อนและปรับปรุงสถานะออกซิเดชันในสัตว์จำลองที่มีปัญหาข้อเข่าโรคข้อเข่าเสื่อม ในผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อมของมนุษย์ พบว่ามีปริมาณวิตามินอีหมุนเวียนในไขข้อต่ำ เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุมที่มีสุขภาพดี การศึกษาเชิงสังเกตยังแสดงให้เห็นว่าวิตามินอีเกี่ยวข้องกับการเหนี่ยวนำของโรคข้อเข่าเสื่อมในประชากรทั่วไป การเสริมวิตามินอีอาจช่วยปรับปรุงผลลัพธ์ในผู้ป่วยโรคข้อเข่า โดยสรุปแล้ว วิตามินอีอาจชะลอการลุกลามของโรคข้อเข่าเสื่อมได้ด้วยการบรรเทาลดปฎิกิริยาoxidative stress และการอักเสบของข้อต่อ
ในผู้ป่วยที่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อม พบว่าระดับวิตามินบี 6 และบี 12 ลดลงกว่าระดับปกติอย่างมาก มีการศึกษพบว่า การรับประทานวิตามินบี6 และบี 12 จะช่วยดูแลระบบประสาท และอาจจะช่วยบรรเทาอาการปวดข้ออักเสบได้ แต่อย่างไรก็ตามการศึกษาเกี่ยวกับการลดการปวดอักเสบของข้อยังคงต้องได้รับการศึกวิจัยเพิ่มเติม
ผู้ป่วยที่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อมจะมีความเสี่ยงในการเกิดโรคกระดูกพรุน การรับประทานวิตามินดีมีส่วนช่วยส่งเสริมการดูแลสุขภาพกระดูก ช่วยให้กระดูกแข็งแรงและลดความเสี่ยงของการเกิดโรคกระดูกพรุนได้
สำหรับใครที่มีปัญหา ข้อดังกร๊อบแกร๊บ ขณะเดินมีอาการเจ็บแปร๊บบริเวณหัวเข่า ข้อเข่าติดยืดขาได้ไม่สุด อาการเหล่านี้เป็นสัญญาณเตือนว่าคุณอาจจะกำลังเผชิญกับปัญหาข้อเข่าเสื่อม นอกจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต และการควบคุมน้ำหนักตัวแล้ว ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารกลุ่มคอลลาเจนไทพ์ทู (Collagen Type ll ) และสารสกัดจากขมิ้นชัน (Turmeric Extract) ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการดูแลสุขภาพข้อเข่าซึ่งจะช่วยเสริมสร้าง ซ่อมแซมกระดูกอ่อนบริเวณข้อและช่วยลดอาการอักเสบริเวณข้อได้ เพราะชีวิตดีเริ่มต้ที่สุขภาพ อย่าให้ปัญหาข้อเสื่อม ทำชีวิตคุณสะดุด!! ด้วยความห่วงใยจากVistra Collagen Type ll plus Turmeric Ecxtract
Reference