เป็นเวลานานนับศตวรรษ ที่มนุษย์เราได้มีพยายามที่จะหาวิธีทำให้ตัวเองฉลาดขึ้น หรือหายาทำให้สมองดี แต่ก็ยังไม่ประสบผลสำเร็จ ตรงกันข้าม คนส่วนใหญ่เมื่อมีอายุมากขึ้นจะพบว่ามีความจำเลวลง หลงลืมหรือบุคลิกภาพและอารมณ์ผิดแผกไปจากปกติ บางรายเป็นมากจนจัดว่าเป็นโรคขึ้นมา ซึ่งเรียกว่า ภาวะสมองเสื่อม
ภาวะสมองเสื่อมพบบ่อยแค่ไหน พบว่าอยู่ในอัตราสูงถึง 5-8% ของผู้สูงอายุเกิน 65 ปี และจะมีอัตราเป็นโรคสูงถึง 20% และถ้าอายุเกิน 90 ปี จะพบในครึ่งหนึ่งที่มีภาวะสมองเสื่อมเกิดขึ้นในประเทศไทยพบว่ามีประชากรอายุเกิน 60 ปี ถึง 3 ล้าน 1 แสนคน คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ได้ร้อยละ 5.7 ของประชากรไทย ( พ.ศ.2532 ) ดังนั้นกลุ่มประชากรกลุ่มนี้จึงมีความโน้มเอียงสูงที่จะเกิดภาวะสมองเสื่อมได้ |
พยาธิสภาพของภาวะสมองเสื่อมเป็นอย่างไรเป็นที่ทราบกันดีว่าสมองของคนเรานั้นเป็นอวัยวะที่ได้พัฒนามาสูงสุดของร่างกายมนุษย์เรา และมีความสลับซับซ้อนในการทำงานมากที่สุด เซลล์สมองเป็นเซลล์ที่มีความจำเพาะมาก และเปราะบางที่สุด ในคนปกติมีเซลล์สมองมากมายนับเป็นพันๆ ล้านตัว เซลล์เหล่านี้เมื่อตายไปจะไม่มีการงอกมาทดแทนได้เช่นอวัยวะอื่นๆ มีภาวะอื่นๆ อะไรบ้างที่อาจทำให้ผู้ป่วยมีอาการคล้ายกับภาวะสมองเสื่อม ก่อนที่จะบ่งชี้ว่าคนใดเป็นภาวะสมองเสื่อม แพทย์หรือคนดูแลผู้ป่วยจำเป็นต้องแยกภาวะ 3 ภาวะต่อไปนี้ ที่อาจมีอาการและอาการแสดงคล้ายคลึงกับภาวะสมองเสื่อมอันได้แก่– ผู้ป่วยที่สับสน เช่น เกิดขึ้นภายหลังชัก หมดสติหรือเป็นลม ได้รับยานอนหลับหรือยากล่อมประสาท หรือยากระตุ้นประสาทบางอย่าง – ผู้ป่วยที่เพ้อคลั่ง เช่น เกิดจากโรคพิษสุราเรื้อรัง ติดยาเสพติด ตืดยานอนหลับ โรคตับพิการ โรคไตพิการ โรคสมองอักเสบ หรือแม้แต่ได้รับสารพิษทางเคมีเข้าร่างกาย – โรคท้อแท้หรือซึมเศร้า ในผู้ป่วยที่หมดหวังทอดอาลัยตายอยากในชีวิตท้อแท้ อยากฆ่าตัวตายจากความผิดหวัง หรือปัญหาชีวิต ในกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ป่วยของโรคทางจิตเวชวิทยา ซึ่งจำเป็นที่ต้องรีบแก้ไขและรักษาโดยด่วน |
สาเหตุของภาวะสมองเสื่อมเกิดจากอะไร
ในผู้สูงอายุสาเหตุสมองเสื่อมที่พบบ่อย ๆ มีสาเหตุ 2 ประการคือ
1 โรคหลอดเลือดสมอง หรือโรคอัมพาต ไม่ว่าจะเกิดจากชนิดหลอดเลือดตีบหรืออุดตันหรือแตกก็ตาม โรคนี้พบราว 20% ของผู้ป่วย
2 โรคอัลไซเมอร์ ( Alzheimer’s disease ) เป็นโรคสมองเสื่อมที่พบบ่อยที่สุด และจะมีอาการเลวลงเรื่อยๆ คือ ราว 70-80% ของผู้ที่มีสมองเสื่อม โรคนี้จะเป็นสาเหตุที่ทำให้สมองฝ่ออย่างรวดเร็ว
|
ภาวะสมองเสื่อมสามารถรักษาให้หายได้หรือไม่ปัจจุบันพบว่าภาวะสมองเสื่อมในผู้ป่วยทุกอายุอาจจำแนกได้เป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ คือ1 ภาวะสมองเสื่อมที่รักษาได้ผลดี 2 ภาวะสมองเสื่อมที่รักษาได้ผลเพียงบางส่วน 3 ภาวะสมองเสื่อมที่ยังรักษาไม่หายในปัจจุบัน ภาวะสมองเสื่อมที่รักษาได้ผลดี ซึ่งพบได้ราว 5-10% ของผู้ป่วยทั้งหมดสามารถจำแนกได้ตามสาเหตุดังนี้ – ภาวะเลือดคั่งที่ผิวสมอง การผ่าตัดเอาเลือดออกก็จะหายจากโรคสมองเสื่อมได้ – ภาวะโพรงสมองโต การผ่าตัดใส่ท่อให้โพรงสมองแฟบลงก็จะหายจากภาวะสมองเสื่อมได้ – โรคลมชักที่ไม่ได้รับการควบคุมรักษาที่ดีและถูกต้องเพราะการชักแต่ละครั้งทำให้เซลล์สมองตายไปเป็นจำนวนนับหมื่นๆ ตัว – โรคขาดวิตามินบี – โรคของต่อมธัยรอยด์ สร้างฮอร์โมนน้อย – โรคเยื่อสมองอักเสบ เช่น จากวัณโรคสมอง เชื้อรา พยาธิสมองเป็นต้น – โรคซิฟิลิสขึ้นสมอง – โรคเนื้องอกสมองบางชนิดที่ฐานสมองโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เนื้องอกชนิดไม่ร้ายแรงที่เกิดมาจากเยื่อหุ้มสมอง – โรคพิษสุรา หรือได้รับสารพิษต่อสมองต่างๆ – โรควิลสัน ซึ่งเกิดจากพันธุกรรมเนื่องจากมีสารตะกั่วคั่งในสมองและตับ ภาวะสมองเสื่อมกลุ่มนี้ทั้งหมดจำเป็นจะต้องได้รับการวินิจฉัยโดยเร็วเพื่อจะได้ให้การรักษาโดยตรงที่ถูกต้องได้อย่างทันท่วงที |
ภาวะสมองเสื่อมที่รักษาได้ผลเพียงบางส่วน ในกลุ่มนี้อาจมีสาเหตุจาก1. โรคเนื้อสมองตายหลายตำแหน่งจากการอุดตันของหลอดเลือดแดงในสมอง 2. สมองขาดออกซิเจน หรือกลูโคส 3. โรคเมาหมัดในนักมวย หรือผู้ที่มีอุบัติเหตุทางสมองโดนกระทบกระเทือนหรือกระเทือนสมองบ่อยๆ 4. โรคสมองอักเสบจากไวรัส 5. โรคเนื้องอกสมองที่กระจายมาจากมะเร็งที่อื่นของร่างกาย 6. โรคปลอกหุ้มใยสมองเสื่อม โรคกลุ่มนี้ยังไม่ทราบสาเหตุแน่นอนในคนไทยพบน้อยแต่ในประเทศหนาวพบมากเป็นสาเหตุทำให้คนหนุ่มสาวในต่างประเทศพิการมักมาก |
การวินิจฉัยภาวะสมองเสื่อมทำได้อย่างใด โดยปกติแพทย์ทั่วไปหรือประสาทแพทย์ มักจะเป็นผู้ให้การวินิจฉัยภาวะสมองเสื่อม โดยอาศัยข้อมูลจากประวัติ ระยะเวลาเป็นโรค อาการ อาการแสดงประวัติครอบครัว การตรวจร่างกายทางระบบประสาทโดยละเอียด และการสืบค้นหาสาเหตุของโรคดังกล่าวซึ่งอาจประกอบด้วยการเจาะเลือด การเอกซเรย์ การตรวจ คลื่นสมอง การเจาะตรวจน้ำไขสันหลัง การตรวจคอมพิวเตอร์สมอง การตรวจการไหลเวียนของเลือดสู่สมอง และการตรวจชิ้นเนื้อสมองโดยการผ่าตัดพิสูจน์ภาวะสมองเสื่อมรักษาได้อย่างไร โดยปกติหลักการรักษาภาวะสมองเสื่อมประกอบด้วยหลักใหญ่ 3 ประการคือ 1. การรักษาโรคต้นเหตุของภาวะสมองเสื่อม เป็นหัวใจที่สำคัญยิ่งและต้องรีบกระทำโดยเร็วและทันท่วงที แล้วแต่ชนิดของสาเหตุต่างๆ กันจึงจะได้ผลดีดังกล่าวแล้ว 2. การรักษาตามอาการแบบประคับประคอง นับว่าเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ญาติผู้ดูแลสามารถช่วยเหลือผู้ป่วยให้มีความสุข ไม่วุ่นวายหรือเกิดอุบัติเหตุอันตรายต่างๆ ได้ในรายที่มีอาการทางอารมณ์รุนแรงเอะอะโวยวายหรือวุ่นวายมากๆ ก็จำเป็นต้องให้ยาช่วยระงับจิตใจผู้ป่วย โดยมากนิยมใช้ยากลุ่มกล่อมประสาทหลัก เช่น ฮาโลเพอริตอลเป็นต้น 3. การให้ยาบำบัดรักษาภาวะสมองเสื่อม ในปัจจุบันได้มีการพัฒนาตัวยาต่างๆ มากมายในการรักษาโรคนี้เริ่มจากวิตามินต่างๆ ตลอดจนฮอร์โมนที่เคยใช้กันมากในอดีต ในปัจจุบันพบว่าไม่ได้ผลดีแต่อย่างใด ยา 2 กลุ่มที่แพทย์นิยมใช้ในผู้ป่วยโรคสมองเสื่อม ได้แก่ – ยาขยายหลอดเลือดสมอง ยากลุ่มนี้ให้เพื่อหวังผลให้เลือดไปสู่สมองเพิ่มขึ้นอย่างไรก็ตามผลของยากลุ่มนี้ ปรากฏว่าให้ผลการรักษาที่ยังไม่น่าพอใจนักยกเว้นกลุ่มผู้ป่วยที่ทีเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอบางรายที่อาจๆได้ผลบ้าง – ยาช่วยการทำงานของสมอง ยากลุ่มนี้ฤทธิ์ทำให้เซลล์สมองที่เหลืออยู่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น แม้จะไม่สามารถทำให้เซลล์สมองเพิ่มขึ้นก็ตาม จากการศึกษาทดลองให้ ยากลุ่มนี้ในผู้ป่วยภาวะสมองเสื่อมชนิดโรคอัลไซเมอร์ พบว่าหลังให้บุคลิกภาพและการทดสอบต่างๆ ทางจิตเวชศาสตร์ดีขึ้น ทั้งในด้านความจำและการเรียนรู้ยกในกลุ่มนี้จึงนิยมใช้กันในปัจจุบัน ยาที่ใช้ได้แก่1. Ergoloid mesylate 2. Piracetam 3. Pyritinol 4. Lecithin เป็นต้น |