โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) หรือที่คนทั่วไปอาจใช้คำว่า อัมพฤกษ์ อัมพาต เป็นปัญหา
สุขภาพที่พบบ่อย และเป็นสาเหตุการเสียชีวิตที่สำคัญของประชากรไทย ก่อให้เกิดความพิการและส่งผลกระทบต่อสังคมและประเทศ
+ หลอดเลือดสมองตีบหรืออุดตัน (Ischemic Stroke) พบได้ประมาณ 80% ของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง สาเหตุเกิดได้จากลิ่มเลือดที่เกิดขึ้นในบริเวณอื่น (ลิ่มเลือดจากหัวใจหรือจากหลอดเลือดใหญ่) ไปอุดตันที่หลอดเลือดสมอง หรืออาจเกิดจากมีลิ่มเลือดก่อตัวในหลอดเลือดสมองเองก็ได้
+ หลอดเลือดสมองแตก (Hemorrhagic Stroke) พบได้ประมาณ 20% ของโรคหลอดเลือดสมอง
+ อายุ เมื่ออายุมากขึ้น หลอดเลือดก็จะเสื่อมตามไปด้วย โดยผิวชั้นในของหลอดเลือดจะหนาและแข็งขึ้นจากการที่มีไขมันและหินปูนมาเกาะ (IMT: Intima–media thickness)
+ เพศ พบว่าเพศชายมีความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมองสูงกว่าเพศหญิง
+ ความดันโลหิตสูง ผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตสูงจึงมีโอกาสเป็นโรคหลอดเลือดสมองได้มากกว่าคนปกติ
+ เบาหวาน เป็นสาเหตุที่ทำให้หลอดเลือดแข็งทั่วร่างกาย
+ ไขมันในเลือดสูง เป็นความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมองเช่นเดียวกับโรค หลอดเลือดหัวใจ
+ โรคหัวใจ เช่น โรคลิ้นหัวใจผิดปกติ หัวใจเต้นผิดจังหวะ
+ การสูบบุหรี่
+ การใช้สารเสพติดบางชนิดเช่น โคเคน, เฮโรอีน และ ยาม้า
+ โรคซิฟิลิส เป็นสาเหตุของหลอดเลือดอักเสบและหลอดเลือดแข็ง
+ การขาดการออกกำลังกาย และ โรคอ้วน
+ อาการอ่อนแรงหรือชาครึ่งซีก
+ ตามองไม่เห็นภาพซีกใดซีกหนึ่งหรือทั้งหมด มองเห็นภาพซ้อน
+ มีความผิดปกติของการใช้ภาษา เช่น พูดไม่คล่อง ใช้ภาษาผิดหรือไม่เข้าใจภาษา
+ เวียนศีรษะ บ้านหมุน เดินเซปวดศีรษะรุนแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
+ พูดไม่ชัด ปากเบี้ยว กลืนลำบาก
+ ความจำเสื่อม หรือหลงลืมอย่างทันทีทันใด ซึม หมดสติ
แพทย์จะซักประวัติและตรวจร่างกายทางระบบประสาท และระบบที่เกี่ยวข้อง อย่างละเอียดร่วมกับส่งตรวจเพิ่มเติมทางห้องปฎิบัติการ และตรวจภาพรังสีวิจนิจฉัย ในปัจจุบันมีวิธีการตรวจวินิจฉัยที่มีประสิทธิภาพและรวดเร็ว สามารถบ่งชี้ถึงตำแหน่งของสมองและหลอดเลือดที่ผิดปกติ อีกทั้งภาวะและสาเหตุของการเกิดโรคหลอดเลือดสมองได้ เช่น
+ การตรวจสมองด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT scan) หรือ เอกซเรย์คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI/MRA) เพื่อดูว่าสมองมีภาวะขาดเลือดหรือภาวะเลือดออกในสมองหรือไม่
+ การตรวจอัลตราซาวนด์หลอดเลือดบริเวณคอ (Carotid Duplex Ultrasound) เพื่อดูหลอดเลือดคอ และการไหลเวียนของเลือดบริเวณคอที่ไปเลี้ยงสมองด้วยคลื่นเสียงความถื่สูง
+ การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ( Electrocardiogram)
+ การตรวจเลือดเพื่อดูความเข้มข้นและความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด ระดับน้ำตาล ไขมันในเลือด การทำงานของไตและตับ
+ การตรวจระดับเกลือแร่ในเลือด ( Electrolyte) ช่วยแยกภาวะเกลือแร่ในเลือดผิดปกติ เช่น เกลือแร่ต่ำ อาจทำให้มีอาการคล้ายโรคหลอดเลือดสมอง
การรักษาขึ้นกับสาเหตุของโรคหลอดเลือดสมองว่าเป็นหลอดเลือดตีบหรือหลอดเลือดแตก โดยจะมีแนวทางการรักษาที่แตกต่างกัน
+ หลอดเลือดสมองตีบหรืออุดตันเฉียบพลัน ในปัจจุบันมีการให้ยาละลายลิ่มเลือด (rtPA : recombinant tissue plasminogen activator) ในผู้ป่วยที่มีอาการและอาการแสดงของโรคหลอดเลือดสมองตีบเฉียบพลันที่มีข้อบ่งชี้และไม่มีข้อห้ามต่อการให้ยาและมีอาการในระยะเวลาไม่เกิน 4.5 ชั่วโมง เมื่อติดตามผู้ป่วยที่ได้รับยาเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้รับยาพบว่าผู้ป่วยที่ได้รับยาละลายลิ่มเลือดมีผลลัพธ์ที่ดีกว่า ดังนั้นผู้ป่วยที่มีอาการผิดปกติสงสัยว่ามีภาวะ หลอดเลือดสมองควรรีบมาโรงพยาบาลเร็วที่สุดเพื่อให้ได้การวินิจฉัยและการรักษาอย่างทันท่วงที
+ หลอดเลือดสมองแตก เป้าหมายของการรักษาคือการควบคุมปริมาณเลือดที่ออกด้วยการรักษาระดับความดันโลหิต ในบางกรณีที่เลือดออกมาก อยู่ในดุลพินิจของศัลยแพทย์ระบบประสาทว่าจำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดร่วมด้วยหรือไม่