“ดวงตา” เป็นหน้าต่างของหัวใจ ในปัจจุบันเราพบว่าคนไทยเริ่มมีปัญหาทางด้านสายตากันเพิ่มมากขึ้น โดยปัญหาหลักๆ มาจากพฤติกรรมการใช้สายตาเป็นหลักสำหรับในยุคSocial Media คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่าการใช้สายตากับจอมือถือ สมาร์ทโฟน หรือจอคอมพิวเตอร์เป็นเรื่องปกติที่เราเผชิญกันอยู่ทุกวัน อีกทั้งมลภาวะ แสงแดดและ ฝุ่นละอองต่างๆที่ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพดวงตาต่างๆตามมาได้
โรคตาแห้ง (Dry Eye Disease) ถือเป็นหนึ่งในภาวะทางตาที่พบบ่อยที่สุดที่ทำให้เราต้องดูแลสุขภาพดวงตามากยิ่งขึ้น เกิดจากการที่สมดุลของน้ำตาเสียไป เช่น การสร้างน้ำตาลดลง การสูญเสียน้ำตาจากการระเหยมากเกินไป หรือเกิดจากการอักเสบของดวงตา โดยสาเหตุที่เกิดขึ้นมีหลากหลายสาเหตุ โรคตาแห้งสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย ในประเทศไทยมีรายงานความชุกของโรคตาแห้งสูงถึงร้อยละ 34 ในผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป
อาการตาแห้ง ได้แก่
- ระคายเคืองตา แสบตาเหมือนมีเศษฝุ่นตลอดเวลา รู้สึกแสบร้อน เจ็บในดวงตา
- ตาแดง น้ำตาไหล ดวงตามีอาการไวต่อแสง ควัน หรือลม
- ตาพร่ามัวโดยเฉพาะในช่วงท้ายของวัน มีปัญหาในการใช้สายตาในเวลากลางคืน
- รู้สึกไม่สบายตาเมื่อใส่คอนแทคเลนส์
- มีความยากลำบากในการลืมตา เปลือกตาติดกันเมื่อตื่นนอน
- อาจรู้สึกปวดหัว หรือปวดตา
วันนี้วิสทร้ามีสารอาหารดีๆจากธรรมชาติที่จะช่วยในการดูแลสุขภาพดวงตา และป้องกันอาการตาแห้งมาฝากกันค่ะนั่นก็คือ “มากิเบอร์รี” นั่นเอง เรามาทำความรู้จักสารอาหารจากธรรมชาติตัวนี้กันเถอะ!!
“มากิเบอร์รี” (Maqui Berry) ดูแลดวงตาให้สดใส ลดปัญหาตาแห้ง
มากิเบอร์รี (Maqui Berry) เป็นผลไม้ตระกูลเบอร์รีชนิดหนึ่ง อยู่ในตระกูลเดียวกับบลูเบอร์รี แบล็กเบอร์รี มีผลขนาดเล็กสีม่วงเข้ม รสชาติหวานอมเปรี้ยว พบมากในทางตอนใต้ของประเทศชิลี มากิเบอร์รีเป็นผลไม้ที่มีสารแอนโธไซยานิน (Anthocyanin) ชื่อว่า “เดลฟินิดิน (Delphinidin)” สูงมาก ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระประสิทธิภาพสูง มีประโยชน์อย่างมากในการช่วยดูแลสุขภาพดวงตาสามารถช่วยลดและป้องกันอาการตาแห้ง(Dry Eye) ได้ โดยสารเดลฟินินดินจะช่วยกระตุ้นการสร้างน้ำตาที่มีคุณภาพ เพิ่มปริมาณน้ำตาและช่วยให้อาการตาแห้งดีขึ้น ทำให้ดวงตามีความชุ่มชื้นมากยิ่งขึ้นในผู้ที่มีอาการตาแห้งสามารถช่วยลดอาการเมื่อยล้าดวงตา และช่วยลด Oxidative Stress บริเวณต่อมน้ำตาได้อีกด้วย
ในการวิจัยของ Hitoe et al., 2014 ใช้วิธีการทดลองแบบสุ่มจากอาสาสมัคร13 คน ที่มีปัญหาตาแห้งปานกลาง โดยใช้วิธี Schirmer’s Test ในการวัดปริมาณน้ำตา ร่วมกับการทำแบบสอบถามในการประเมินผลกระทบของอาการตาแห้งในชีวิตประจำวัน (Dry Eye Related Quality of Life Score Questionnaire: DEQS) โดยแบ่งการทดลองเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มแรก ให้รับประทานสารสกัดจากมากิเบอร์รี 30 มก. จำนวน 1 เม็ด/วัน กลุ่มที่สอง ให้รับประทานสารสกัดจากมากิเบอร์รี 60 มก. 1 เม็ด/วัน (ผู้เข้าทดสอบเป็นชายและหญิง อายุ 25-60 ปี)
หลังจากรับประทานสารสกัดจากมากิเบอร์รีต่อเนื่องเป็นเวลา 30 วัน พบว่าผู้ที่รับประทานในปริมาณ 30 มก. มีการหลั่งน้ำตาเพิ่มขึ้น 48% (ใช้วิธี Schirmer’s Test ในการวัดปริมาณน้ำตา) จาก 16.3 mm/min เป็น 24.4 mm/min (P<0.05) และเมื่อประเมินผลร่วมกับการทำแบบสอบถาม DEQS พบว่าหลังจาก 30 วัน การรับประทานสารสกัดจากมากิเบอร์รี 30 มก./วัน ทำให้อาการตาแห้งดีขึ้น 47 % อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (P<0.01Vs Baseline) และในผู้ที่รับประทานต่อเนื่อง 60 มก./วัน เป็นเวลา 60 วัน พบภาวะตาแห้งลดลงถึง 72% อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (P<0.05Vs Baseline)
นอกจากนี้งานวิจัยของ Yamashita et al., 2018 ในการทดลองแบบDouble blind ในผู้เข้าทดสอบ 74 คนแสดงให้เห็นว่าการรับประทานสารสกัดจากมากิเบอร์รี 60 มก.เป็นเวลา 4 สัปดาห์ ช่วยเพิ่มการผลิตน้ำตาเพิ่มขึ้นสูงถึง 89 %
จากรายงานการวิจัยต่างๆจึงสามารถสรุปได้ว่าการรับประทานสารสกัดจากมากิเบอร์รีในปริมาณ 30–60 มิลลิกรัมต่อวัน จะช่วยกระตุ้นการสร้างน้ำตา ต่อต้านอนุมูลอิสระ ลดอาการเมื่อยล้าดวงตา และลดความเสี่ยงในการเกิดโรคอื่นๆของดวงตาที่มีสาเหตุมาจากปัญหาตาแห้งได้
นอกจากนี้ยังมีสารอาหารอื่นๆที่ช่วยในการดูแลสุขภาพดวงตา ได้แก่
- ลูทีน & ซีแซนทีน (Lutein & Zeaxanthin)
ลูทีนและซีแซนทีน พบมากในผักผลไม้ต่างๆ เช่น ผักคะน้า ผักปวยเล้ง ข้าวโพด ไข่แดง เป็นต้น เป็นสารอาหารที่พบมากบริเวณจุดรับภาพของดวงตา (Macula) ทำหน้าที่ในการป้องกันรังสีจากแสงแดด ช่วยกรองแสงที่ผ่านเข้าสู่จอตา และช่วยลดการสะท้อนของแสงและป้องกันรังสีจากแสงแดด แสงจากจอคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน ที่เป็นอันตรายต่อดวงตา จากการศึกษาพบว่า การรับประทานลูทีนอย่างน้อย 5 มิลลิกรัมต่อวัน มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคจอประสาทตาเสื่อมได้ถึง 50%
ทั้งลูทีนและซีแซนทีน มีหน้าที่ในการกรองแสงสีฟ้าที่เป็นคลื่นแสงที่มีพลังงานสูง โดยจะสามารถกรองแสงสีฟ้าลงได้ถึง 40 % ก่อนที่แสงจะตกถึงจุดรับภาพของดวงตา (Macula) ดังนั้นจึงสามารถลดสภาวะความเครียดออกซิเดชัน (Oxidative Stress) ต่อจอประสาทตาได้อย่างมีนัยสำคัญ
- วิตามินเอ (Vitamin A)
วิตามินอ เป็นวิตามินสำคัญที่ช่วยในการดูแลสุขภาพดวงตา ช่วยป้องกันโรคตาบอดในตอนกลางคืน และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการมองเห็นได้ดี
- ซิงค์ (Zinc)
ซิงค์ (Zinc) หรือ สังกะสีเป็นแร่ธาตุที่จำเป็น มีความเข้มข้นสูงในดวงตา ส่วนใหญ่อยู่ในบริเวณเรตินาและคอรอยด์ซึ่งเป็นชั้นเนื้อเยื่อหลอดเลือดที่อยู่ใต้จอประสาทตา ซิงค์มีบทบาทสำคัญในการนำวิตามินเอจากตับไปยังจอประสาทตาเพื่อผลิตเมลานินซึ่งเป็นเม็ดสีที่ช่วยปกป้องดวงตาจากอันตรายจากแสงอาทิตย์ที่จะมาทำร้ายดวงตา
- วิตามินอี (Vitamin E)
วิตามินอีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพ งานวิจัยระบุว่าวิตามินอีสามารถช่วยปกป้องเซลล์ในดวงตาจากอนุมูลอิสระไม่ให้ทำลายเนื้อเยื่อได้และลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต้อกระจกได้
- วิตามินซี (Vitamin C)
วิตามินซี ช่วยในการต้านอนุมูลอิสระและช่วยในการสร้างคอลลาเจนที่เป็นโครงสร้างให้กับดวงตา นอกจากนี้มีงานวิจัยชี้ให้เห็นว่า วิตามินซีช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดต้อกระจก และเมื่อรับประทานร่วมกับสารอาหารที่จำเป็นสำหรับดวงตา เช่น วิตามินอี และ วิตามินเอ จะสามารถชะลอการเกิดจอประสาทตาเสื่อมที่เกี่ยวข้องกับอายุและชะลอการสูญเสียการมองเห็นได้
- ทองแดง (Copper)
แร่ธาตุทองแดง หรือ Copper มีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายประการรวมถึงการดูแลสุขภาพตา ทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระกระตุ้นการพัฒนาเนื้อเยื่อเกี่ยวพันในโครงสร้างของดวงตา และช่วยยับยั้งการลุกลามการเสื่อมของดวงตาในอายุที่เพิ่มขึ้นได้
- ซีลีเนียม (Selenium)
แร่ธาตุซีลีเนียม เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพซึ่งช่วยป้องกันความเสียหายของเซลล์ที่เกิดจากอนุมูลอิสระ ช่วยในการดูแลสุขภาพดวงตาโดยรวม ป้องกันการก่อตัวของต้อกระจกและความเสื่อมของจอประสาทตารวมทั้งลดอาการตาแห้งได้
- วิตามินบี 2 (Riboflavin)
วิตามินบี 2 หรือไรโบฟลาวิน ช่วยในการต้านอนุมูลอิสระที่จะมาทำร้ายดวงตา การรับประทานอาหารที่มีวิตามินบี2สูงๆ มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นต้อกระจกได้
การหันมาดูแลถนอมสายตาเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามและเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับผู้คนในยุคนี้ เราควรถนอมดวงตาก่อนที่จะเสื่อมสภาพไปก่อนวัยอันควร ดังนั้นใครที่มีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการใช้งานสายตาหนักๆตลอดวัน มีปัญหาอาการตาแห้ง เมื่อยล้าดวงตา สารสกัดจากมากิเบอร์รีก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะสามารถลดปัญหาดวงตาเหล่านี้ได้_เพราะชีวิตดีเริ่มต้นที่สุขภาพ ด้วยความปรารถนาดีจาก Vistra_Teerlub
Literature Cited:
- บทความสุขภาพโรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์. (2561). ภาวะตาแห้ง [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : https://www.siphhospital.com/th/news/article/share/665/DryEyes (16 ธันวาคม 2563).
- American Optometric Association. Diet and Nutrition Adding Powerful antioxidant to your diet can improve your eye Health. Retrieved December 21, 2020, from https://www.aoa.org/healthy-eyes/caring-for-your-eyes/diet-and-nutrition?sso=y.
- Makayla Meixner. (2018). the 9 Most Important Vitamins for Eye Health. . Retrieved December 21, 2020, from https://www.healthline.com/nutrition/eye-vitamins.
- Mayo Clinic. Dry Eye. Retrieved December 26, 2020, from https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/dry-eyes/symptoms-causes/syc-20371863.
- Richard L Roberts, Justin Green, Brandon Lewis. Lutein and zeaxanthin in eye and skin health. Clin Dermatol. Mar-Apr 2009; 27(2):195-201.
- Hitoe et al., MaquiBright standardized maqui berry extract significantly increases tear fluid production and ameliorates dry eye-related symtoms in a clinical pilot trial. Panminerva MED 2014; 56 (Suppl. 1 to No.3 2014): 1-6.
- Tracey Roizman, D.C. Do Zinc and Selenium Help Eyes?. Retrieved December 21, 2020, from https://healthyeating.sfgate.com/zinc-selenium-eyesight-8608.html.
- Yvette Brazier. (2018). What is dry eye and how can I get rid of it? Medically reviewed by University of Illinois. Retrieved December 15, 2020, from https://www.medicalnewstoday.com/articles/170743.
- Yamashita et al., Effect of MaquiBright on improving eye dryness and fatigue in humans: A randomized, double-blind, placebo-controlled trial. Journal of Traditional and Complementary Medicine 9 (2019) 172-178.