นอกจากเรื่องลูกที่คุณแม่จะเป็นกังวลโน่นนี่อยู่เสมอแล้ว เชื่อว่าหลายคนคงกำลังวิตกกับรอยแผลเป็นจากการผ่าคลอดอยู่แน่ๆการผ่าคลอด เป็นการผ่าตัดทำคลอดทารกออกมาทางหน้าท้อง โดยส่วนมากจะผ่าแนวขวาง หรือ บิกินีไลน์ ประมาณ 10 เซนติเมตร ซึ่งคุณหมอประจำตัวจะมีข้อต้องพิจารณาสำหรับการผ่าคลอดดังนี้ค่ะ
1. ทารกตัวใหญ่ไป เมื่อเทียบกับกระดูกเชิงกรานของคุณแม่
2. ทารกไม่เอาหัวลง
3. มีความผิดปกติระหว่างรอคลอด เช่น คุณแม่ปวดคลอดนานเกินไป
4. คุณแม่มีอายุมาก สภาพร่างกายไม่สมบูรณ์
5. เป็นความต้องการของคุณแม่เอง
แผลผ่าคลอดนั้นหากดูแลรักษาไม่ดี แผลอาจเกิดเป็นรอยนูน หรือแผลคีรอยด์ (Keroid) ดูไม่น่ามอง วันนี้เรามีวิธีการดูแลแผลผ่าคลอดที่ถูกวิธี ให้หน้าท้องของคุณแม่เรียบสวยฝากกันค่ะ
1. หลังจากผ่าคลอดประมาณ 1 วัน คุณหมอจะแนะนำให้คุณแม่ลุกขยับตัว ซึ่งถึงแม้จะเจ็บมากก็ตาม เพื่อป้องกันการเกิดพังผืดไปยึดติดกับอวัยวะภายในต่างๆ ส่งผลให้มีบุตรยาก ลำไส้เคลื่อนเคลื่อน หรือท้องผูกเรื้อรังในอนาคต
2. ในช่วง 3 เดือนแรก มีโอกาสสูงที่แผลจะเป็นคีรอยด์ แนะนำให้คุณแม่ไม่ยกของหนัก หรือยืดเหยียดแผลจนตึงมากเกินไป
3. ห้ามงดอาหารจำพวกโปรตีน แม้สมัยก่อนจะมีความเชื่อเรื่องห้ามทานไข่หรือนม แต่ในทางการแพทย์แล้วสามารถทานได้แต่พอดี จะช่วยให้แผลผ่าคลอดประสานเร็ซขึ้น และเป็นผลดีในระหว่างในนมลูก
4. หลังจากแผลแห้งสนิท สามารถทาผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลบรอยแผลเป็น หรือผลิตภัณฑ์ที่ทำให้แผลนุ่มลงได้ โดยครีมเหล่านี้จะไม่ส่งผลต่อน้ำนม
คุณแม่ที่ผ่าคลอดทุกคนต้องหมั่นดูแลแผลผ่าคลอดอย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากรอยแผลผ่าตัดต้องใช้เวลาในการรักษาเพื่อให้จางลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป ระยะเวลาอาจะหลายเดือนหรือเป็นปี ขึ้นอยู่กับการดูอลของคุณแม่และสภาพผิวของแต่ละคน
โปรวาเมดคิดค้นนวัตกรรม 2X Effective Scar Solution
ที่ถูกพัฒนาและคิดค้นขึ้นมา จนเกิดเป็นกิจวัตร 2 ขั้นตอนสู่การบอกลาทุกปัญหาของแผลเป็นตั้งแต่ระยะเริ่มต้น
Step 1 : Provamed Intensive Scar Serum
ดูแลรอยแผลเป็นตั้งแต่ระยะแผลเริ่มสมาน ด้วยเซรั่มที่รวมสารสกัดประสิทธิภาพสูงจากธรรมชาติ เช่น สารสกัดจากหัวหอม Aliium Cepa ช่วยลดการอักเสบ รอยแดง อาการคันและระคายเคือง เพื่อลดโอกาสการเกิดแผลเป็นและแผลคีรอยด์
ช่วยปกป้องแผลจากความชื้นภายนอก พร้อมป้องกันแบคทีเรียเข้าสู่แผล และคงตัวยาสำคัญออกจากแผล ให้แผลเป็นยุบตัวลงเรียบเนียนไปกับผิวได้อย่างรวดเร็ว
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.momypedia.com/
Pingback: ดูแลแผลผ่าคลอดอย่างไรดี? | 108Health