ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า น้ำหนักถ้าลองได้ขึ้นแล้ว นั้นลงยากจริงๆ ยิ่งในยุคนี้ด้วยแล้ว อาหารการกินนั้นค่อนข้างจะอุดมสมบรูณ์ หลายๆคนเลยเผลอตามใจปากซะจนชิน มารู้อีกทีก็ตอนชั่งน้ำหนักว่า เฮ้ย !! มันขึ้นมาจากไหนกันนะ แต่เมื่อรู้ก็อาจจะสายไปเสียแล้ว เพราะการที่จะลดน้ำหนักนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยค่ะ หนุ่มสาวๆค่ะ วันนี้108health มีแนวคิดดีๆ 7 วิธีเจ๋งๆ มาแนะนำ เกี่ยวกับการเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอาหารมาฝากกัน ไม่ต้องอด แต่รู้จักวิธีกิน เพียงเท่านี้ รับรองว่าน้ำหนักลดลงอย่างแน่นอน ลองนำไปปรับใช้กันดูนะคะ ว่าแล้วไม่รอช้ามาดูวิธีแรกกันเลย…
Pic Cr. tlcthai.com
1. กิน 5-6 มื้อเล็กๆ แทนการกิน 3 มื้อใหญ่ๆ
การศึกษา พบว่า การรับประทานอาหารโดยแบ่งเป็นมื้อเล็กๆ ย่อยๆในระหว่างวัน ประมาณแคลอรี่ ที่รับจะน้อยกว่าการรับประทานอาหารมื้อใหญ่ๆมือเดียว แม้จะมีการรับประทานอาหารที่ปริมาณของแคลอรี่เท่ากันแต่ วิธีนี้ร่างกายของคุณจะทำให้อินซูลินหลั่งน้อยลง ซึ่งช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดคงที่และช่วยลดความหิวได้
2. เปลี่ยนวิธีการกินอาหาร
เช่น ผลไม้เบอรี่โยเกิร์ต แทนที่เราจะกินโยเกิร์ต เป็นหลัก ก็ให้เปลี่ยนมากิน ผลไม้แล้วเพิ่มวิปปิ้งด้วยโยเกิร์ตจะทำให้ทานผลไม้ได้เยอะกว่า ลดแคลลอรี่ให้ต่ำลงได้ค่ะ
3. หลังอาหารเช้า ดื่มผลไม้น้ำส้มตามหลัง
ส่วนเครื่องดื่มระหว่างวัน แนะนำให้เป็น น้ำเปล่า หรือ โซดาก็ได้ค่ะ และควรเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีรสหวานพิเศษเพราะจะมีปริมาณแคลอรี่สูง
4. ลดขนาดของจานใส่อาหาร
การศึกษาพบว่า ขนาดจานอาหารเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยลดปริมาณการกินอาหารของเราได้ เพราะเมื่อเรากินในขณะที่หิว เรามักจะไม่คำนึงถึงปริมาณอาหารที่กินเข้าไป
5. ฝึกทานให้เป็นที่
สถานที่ในการรับประทานอาหารก็สำคัญนะคะ เพราะถ้าเรานั่งกินหน้าทีวี เราก็จะสามารถทานอาหารได้เรื่อยๆ ทำให้ปริมาณแคลอรี่เพิ่มมากขึ้น ดังนั้นจึงควรนั่งกินในห้องครัว ตั้งใจกิน ไม่ทำกิจกรรมอย่างอื่นร่วมด้วยจะดีมากค่ะ
6. ในแต่ละมื้อ ควรมีผักหรือผลไม้ประกอบอยู่ด้วย
ผักหรือผลไม้ที่เป็น แครอทตัดขึ้นคื่นฉ่าย, หัวไชเท้า, กะหล่ำ, ส้ม, พีช, แอปเปิ้ลหรือแม้กระทั่งสแน็ปถั่ว ควรเป็นส่วนประกอบในทุกมื้อ เพราะมันจะช่วยย่อยและขับถ่ายได้ดีค่ะ
7. อย่าตุนอาหารไว้ในบ้าน
หากเรากักเก็บอาหาร พวก ขนมไว้ในตู้เย็น เมื่อเราหิว เราก็จะกินอย่างไม่ระวัง เช่น พวกขนมเค้ก ขนมปัง ให้ออกไปกินนอกบ้าน เฉพาะโอกาสสำคัญดีกว่าค่ะ นานๆกินทีเนอะไม่ต้องกินบ่อย
ขอบคุณภาพและข้อมูลดีๆจาก : www.besthealthmag.ca