ในหลวง รัชกาลที่ 9 ทรงเสวย “ข้าวกล้อง” ทุกวัน เหตุผลเพราะอะไร?
เมื่อครั้งหนึ่ง พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ ทรงเสด็จไปทอดพระเนตรกิจการตามพระราชดำริ และได้ทรงตรัสเกี่ยวกับเรื่องข้าวกล้องว่า “ข้าวซ้อมมือหรือข้าวกล้องนี่แหละ เรากินทุกวัน เพราะว่ามีประโยชน์ร่างกายแข็งแรง ข้าวขาวนี่เอาของดีออกไปหมด ฉะนั้นข้าวกล้องนี่ดี คนบอกว่าเป็นข้าวของคนจน เราก็เป็นคนจน”
พระองค์ทรงมีพระราชอารมณ์ขัน ซึ่งการที่ได้ทรงมีพระราชดำรัส ถึงเรื่องข้าวกล้อง ชี้ให้เห็นถึงพระปรีชาอย่างพิเศษ สำหรับการสร้างกระแสความนิยมได้เป็นอย่างดี เพราะเพียงพระราชดำรัสสั้นๆ กระชับ และกินใจนี้ถูกถ่ายทอดออกไป สถานะของข้าวกล้อง หรือข้าวแดงนั้น ก็เปลี่ยนไปทันที ที่สำคัญคือค่านิยมใหม่ของการบริโภค โดยคำนึงคุณภาพ รวมทั้งการใช้ชีวิตอย่างพอเพียงกำลังถูกปลูกฝังให้กับคนรุ่นต่อไป
พระราชดำรัสเกี่ยวกับข้าวและชาวนา
“.. ข้าวต้องปลูก เพราะอีก 20 ปีประชากรอาจจะ 80 ล้านคน ข้าวจะไม่พอ ถ้าลดการปลูกข้าวไปเรื่อย ๆ ข้าวจะไม่พอ เราจะต้องซื้อข้าวจากต่างประเทศ เรื่องอะไร ประชาชนคนไทยไม่ยอม คนไทยนี้ต้องมีข้าว แม้ข้าวที่ปลูกในเมืองไทยจะสู้ข้าวที่ปลูกในต่างประเทศไม่ได้ เราก็ต้องปลูก..”
กระแสพระราชดำรัสในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (2536)
มาดูประโยชน์ของข้าวกล้อง หรือข้าวแดงกันค่ะ
ข้าวกล้องมีโปรตีนประมาณ 7 – 12% แล้วแต่ว่าเป็นข้าวพันธุ์ใด ข้าวกล้องแต่ละพันธุ์อาจมีสีที่แตกต่างกัน เช่น ข้าวกล้องหอมมะลิมีสีน้ำตาลอ่อน ข้าวกล้องสังข์หยดมีสีแดง หรือข้าวกล้องสีนิลมีสีม่วงเข้มเกือบดำ เป็นต้น ไม่ว่าจะมีสีใดก็ตาม ข้าวกล้องจะต้องมีส่วนของจมูกข้าวและรำข้าวติดอยู่ด้วยเสมอ ดังนั้น หากข้าวมีสีแดงแต่ไม่มีจมูกข้าวและรำข้าวติดอยู่ ก็ไม่เรียกว่าเป็นข้าวกล้อง
ในข้าวกล้องมีสารเส้นใยสูงมากกว่าข้าวขาว 3-7 เท่า การกินข้าวกล้องจะได้สารเส้นใยไปพร้อมๆกับสารอาหารบำรุงร่างกายสารพัดชนิด สารเส้นใยนี้จะช่วยซับเอาน้ำมันและน้ำตาลที่กินเข้าไปล้นเกิน ทิ้งเป็นกากอุจจาระ ซึ่งนอกจากจะช่วยควบคุมน้ำหนักแล้ว ยังสามารถช่วยควบคุมระดับไขมันและระดับน้ำตาลในเลือดไม่ให้สูงเกินไป และเมื่อมีกากอุจจาระมากขึ้น ก็ทำให้การขับถ่ายดีขึ้นช่วย ลดอาการท้องผูกได้อีกด้วย
ใครอยากมีรูปร่างสมส่วน ผิวพรรณผ่องใส อารมณ์ดี สดชื่นแจ่มใส มีเรี่ยวแรงมาก แก่ช้า สมองดี ไม่หลงลืม สุขภาพโดยรวมดี ภูมิต้านทานดี ไม่เจ็บไม่ป่วย ต้องกินข้าวกล้องกันทุกมื้อนะคะ
ขอบคุณข้อมูล :
http://www.thairice.org/html/culture/culture04_1.html
http://www.lovefitt.com/