ปลา เป็นอาหารที่อร่อย ย่อยง่าย ราคาไม่แพง แถมยังมีประโยชน์มากมาย โดยกลุ่มวิเคราะห์คุณค่าทางโภชนาการ กองโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข จึงได้แนะนำสารอาหารโดดเด่นที่พบในปลาไทย สรุปไว้ดังนี้
โปรตีน
ช่วยเสริมสร้างเนื้อเยื่อ ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ในเนื้อปลา 100 กรัม พบโปรตีนในปลาดุก 23 กรัม ปลาตะเพียน 22 กรัม ปลากระบอก 20.7 กรัม นั่นหมายความว่า หากเราบริโภคปลาวันละครึ่งกิโลกรัมหรือ 500 กรัม ทุกวัน นอกจากจะได้สุขภาพที่แข็งแรงแล้วนั้น เราจะสามารถลดน้ำนักและเพิ่มกล้ามเนื้อในร่างกายได้เป็นอย่างดีอีกด้วย (สำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนักกระชับกล้ามเนื้อ ควรบริโภคโปรตีน 2.2-2.64 กรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ต่อวัน)
กรดไลโนเลอิก (Linoleic Acid)
ช่วยควบคุมความดันโลหิต ลดคอเลสเตอรอล เนื้อปลาที่พบปริมาณกรดไลโนเลอิกสูงสุดคิดเป็นร้อยละจากปริมาณไขมันทั้งหมด คือ ปลาตะเพียน ร้อยละ 19.3 ปลากราย ร้อยละ 13.4 ปลาดุก ร้อยละ 11.8 สำหรับผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงหรือผู้ที่มีคอเลสเตอรอลสูง เหมาะเป็นอย่างยิ่งที่จะมีเนื้อปลาเหล่านี้อยู่ในมื้ออาหาร โดยกรดลิโนเลอิกนี้เป็นกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกายเพราะร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์ได้เอง ต้องได้รับจากการบริโภคอาหารเท่านั้น เมื่อรับประทานเข้าไปแล้วร่างกายสามารถเปลี่ยนกรดชนิดนี้เป็นกรดไอโคซาเพนตะอีโนอิก ซึ่งมีความสำคัญต่อสุขภาพ การเจริญเติบโต พัฒนาการและการทำงานของสมอง และการสืบพันธุ์ ช่วยให้ร่างกายเผาผลาญกรดไขมันอิ่มตัวได้ดีขึ้น ช่วยให้เซลล์ได้รับสารอาหารได้มากขึ้นโดยเป็นตัวป้อนสารอาหารให้แก่เซลล์ รักษาสมดุลของระบบการแข็งตัวของเลือด เสริมสร้างความแข็งแรงให้แก่ผนังหลอดเลือดและเยื่อหุ้มเซลล์ รวมตัวกับคอเลสเตอรอล เพื่อขนส่งไปในกระแสเลือด มีผลทำให้ระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ในเลือดลดลง ช่วยลดการสะสมของไขมันที่ผนังหลอดเลือด ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจ
กรดดีเอชเอ (DHA-Docosahexaenoic Acid)
ช่วยในการทำงานของเซลล์สมองและจอตา เนื้อปลาที่พบปริมาณกรดดีเอชเอสูงสุดคิกเป็นร้อยละจากปริมาณไขมันทั้งหมดคือ ปลาตาเดียว ร้อยละ 25.3 ปลาทรายแดง ร้อยละ 25 ปลาไส้ตัน ร้อยละ 20.7 โดยผลการวิจัยพบว่ามนุษย์มีสารดีเอชเอ (DHA) อยู่ในผนังเซลล์ทั่วร่างกาย ซึ่งช่วยทำให้เซลล์มีความไวต่อการรับสัญญาณประสาท นอกจากนั้น ยังพบว่ามีสารดีเอชเอ (DHA) ปริมาณสูงในจอตา และที่สำคัญที่สุดคือเป็นไขมันที่เป็นส่วนประกอบของเซลล์สมองถึง 65% และกรดไขมันชนิดนี้เป็นสารที่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้ ซึ่งในสมองมนุษย์นั้นมีไขมันชนิดนี้เป็นส่วนประกอบอยู่ถึงครึ่งหนึ่งก่อนกำเนิด ส่วนที่เหลือจะได้มาในช่วงปีแรกของชีวิต เพราะฉะนั้นดีเอชเอจึงมีความสำคัญมากต่อสตรีในระยะตั้งครรภ์ และมารดาในระยะให้นมบุตรที่ช่วยให้สมองทารกพัฒนาและเจริญเติบโตอย่างสมบูรณ์
เห็นไหมครับว่าปลาที่พบทั่วไปในประเทศไทยก็มีสารอาหารที่สำคัญต่อร่างกายไม่น้อยเลยทีเดียว สำหรับเพื่อนๆที่ต้องการจะลดน้ำหนัก หรือต้องใช้สมองมากๆ สตรีมีครรภ์หรือสตรีให้นมบุตร ผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงและผู้ที่มีคอเลสเตอรอลในโลหิตสูง 108health แนะนำว่า เพื่อนๆไม่ควรพลาดที่จะ กินปลา บ่อยๆและควรมีเนื้อปลาไทยๆอยู่ในมื้ออาหารทุกๆมื้อ เพราะนอกจากจะหาซื้อมารับประทานง่ายมีอยู่ทั่วไปตามท้องตลาดแล้วนั้น เนื้อปลาเหล่านี้ยังช่วยให้เพื่อนๆมีสุขภาพดี และช่วยให้ลูกน้อยมีพัฒนาการทางสมองที่ดีอีกด้วยตามคำพูดที่ว่า “กินปลาแล้วจะฉลาด” ว่าแล้วเมนูเย็นนี้เพื่อนๆจะทำเมนูปลาอะไรรับประทานกันดี ยังไงก็อย่าลืมมาแชร์กันดูบ้างนะครับ