หากจะให้พูดถึงอาหารเสริมตัวสำคัญที่เหมาะสำหรับทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นเด็กเล็ก เด็กวัยเรียน ผู้ใหญ่วัยทำงาน หรือวัยสูงอายุ แน่นอนว่าจะต้องเป็น ‘น้ำมันปลาแซลมอน’ ซึ่งอุดมไปด้วยสารสกัดที่จำเป็นต่อร่างกาย นั่นก็คือกรดไขมันในกลุ่มโอเมกา 3 ซึ่งกรดไขมันเหล่านี้จะทำหน้าที่บำรุงร่างกายและผิวพรรณ พร้อมทั้งช่วยส่งเสริมให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ วันนี้เราขอชวนทุกคนมาไขความลับน่ารู้ที่ซ่อนอยู่ในน้ำมันปลาแซลมอน มาดูกันว่าน้ำมันปลาแซลมอนมีสรรพคุณอย่างไรและต้องกินตอนไหนถึงจะได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
รู้จัก ‘น้ำมันปลาแซลมอน’
น้ำมันปลา คือ น้ำมันที่สกัดจากไขมันดีของปลา หรือที่เรารู้จักกันในชื่อไขมันโอเมกา 3 ซึ่งไขมันชนิดนี้เป็นไขมันที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย และสามารถพบได้ในอาหารทะเลเท่านั้น การกินอาหารเสริมน้ำมันปลาจึงเป็นวิธีที่จะช่วยให้ร่างกายของเราได้รับประโยชน์จากวิตามินอย่างครบถ้วน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพ หรือผู้ที่ไม่ได้กินปลาเป็นประจำ นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยทางการแพทย์ที่พบว่าการกินอาหารเสริมในรูปแบบของน้ำมันปลานั้นเป็นวิธีที่ปลอดภัยกว่าการกินอาหารทะเลในปริมาณมากเป็นประจำ เพราะน้ำมันปลานั้นง่ายต่อการดูดซึม ช่วยให้ร่างกายได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่ ยิ่งหากเลือกผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่มีคุณภาพ ก็จะยิ่งช่วยให้เรากินได้อย่างปลอดภัย โดยไม่ต้องกังวลเรื่องผลข้างเคียง
น้ำมันปลาแซลมอน มีสรรพคุณอย่างไร
- ประโยชน์ต่อร่างกาย
การกินน้ำมันปลาในปริมาณที่เหมาะสมจะช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ในเลือด ซึ่งหากร่างกายของเรามีไขมันทั้ง 2 ชนิดนี้มากเกินไปจะเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ ความดัน และหลอดเลือด รวมถึงโรคเรื้อรังอื่น ๆ ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายถึงชีวิต ไม่ว่าจะเป็นโรคอ้วน โรคตับอ่อนอักเสบ และโรคไขมันเกาะตับ
นอกจากนี้ กรดไขมัน DHA ในน้ำมันปลาแซลมอนยังมีสรรพคุณช่วยบำรุงระบบประสาทและความจำ รวมถึงช่วยพัฒนาการมองเห็น ดังนั้นการกินน้ำมันปลาจึงมีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับทุกวัย ในวัยเด็กและวัยเรียนจะช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโต ส่วนในวัยทำงานจะช่วยบำรุงความจำและช่วยฟื้นฟูสมองที่เหนื่อยล้าจากการทำงานหนัก ทั้งยังมีส่วนช่วยในเรื่องของการมองเห็นอีกด้วย
- ประโยชน์ต่อผิวพรรณ
น้ำมันปลาเป็นสารที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ทำหน้าที่ปกป้องผิวจากปัจจัยต่าง ๆ และช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ผิว นอกจากนี้ ในน้ำมันปลายังมีวิตามินที่ชื่อว่า ‘ไบโอติน’ หรือที่รู้จักกันในชื่อ วิตามิน H หรือวิตามินบี 7 ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญช่วยดูแลผิวให้ดูเนียนนุ่ม ชุ่มชื้น และเปล่งปลั่ง รวมถึงบำรุงเล็บและเส้นผมให้แข็งแรง ทำให้เส้นผมดูมีน้ำหนัก ไม่ขาดหลุดร่วงง่าย และช่วยป้องกันการเปราะหักของเล็บ
น้ำมันปลาแซลมอน เหมาะกับใครบ้าง
เนื่องจากกรดไขมันโอเมกา 3 ในน้ำมันปลานั้นเป็นกรดไขมันดีที่ร่างกายของเราไม่สามารถสร้างขึ้นมาเองได้ ดังนั้น การกินอาหารเสริมน้ำมันปลาจึงเหมาะกับคนทุกเพศ ทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นวัยเด็ก ผู้ใหญ่ หรือวัยสูงอายุ หากกินอย่างต่อเนื่องในปริมาณที่เหมาะสม จะช่วยบำรุงสุขภาพพร้อมป้องกันความเสี่ยงจากโรคต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี
น้ำมันปลาแซลมอน กินตอนไหนจึงเห็นผลลัพธ์ได้ดีที่สุด
หลายคนอาจสงสัยว่าน้ำมันปลานั้นควรกินตอนไหนจึงจะได้ผลลัพธ์ที่ดี คำตอบก็คือ ควรกินพร้อมมื้ออาหารในช่วงเวลา 12.00-20.00 น. หรือกินหลังอาหารภายในระยะเวลาไม่เกิน 30 นาที เพราะเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายสามารถดูดซึมได้ดีที่สุด จะทำให้ร่างกายได้รับประโยชน์จากน้ำมันปลาอย่างเต็มที่ และยังช่วยลดอาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น การคลื่นไส้ หรืออาการเรอ
นอกจากนี้ การที่จะกินน้ำมันปลาให้ได้ผลดีนั้น จะต้องไม่กินคู่กับอาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูง เพื่อไม่ให้ร่างกายได้รับปริมาณคอเลสเตอรอลมากเกินไป และหากใครที่ต้องการบำรุงในด้านอื่น ๆ ก็สามารถกินพร้อมกับวิตามินตัวอื่น ๆ ได้โดยที่ไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียง ที่สำคัญก็คือควรกินอย่างต่อเนื่องในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ปริมาณน้ำมันปลาที่เหมาะสมควรกินวันละกี่มิลลิกรัม
- สำหรับการบำรุงสุขภาพทั่วไป ควรกินไม่เกิน 500 มก./วัน
- สำหรับผู้ที่มีโรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง และโรคหลอดเลือด ควรกินไม่เกิน 1,000-2,000 มก./วัน
- สำหรับผู้ที่มีปัญหาไขมันไตรกลีเซอไรด์สูง ควรกินไม่เกิน 2,000-4,000 มก./วัน
หลังจากที่เราได้รู้ข้อมูลเกี่ยวกับสรรพคุณและได้รู้ว่าน้ำมันปลาแซลมอนกินตอนไหน หากใครที่มองหาอาหารเสริมน้ำมันปลาแซลมอนคุณภาพดีเพื่อมาช่วยบำรุงสุขภาพ จะต้องเลือกซื้ออาหารเสริมที่ได้มาตรฐาน และผ่านการรับรองจาก อย. เพื่อให้สามารถกินได้อย่างปลอดภัย ได้ผลลัพธ์เต็มที่ และลดความเสี่ยงการเกิดผลข้างเคียงในระยะยาว
ข้อมูลอ้างอิง:
- https://www.webmd.com/diet/salmon-oil-health-benefits#:~:text=Salmon%20oil%20is%20made%20from,available%20at%20many%20vitamin%20retailers.
- https://www.medicalnewstoday.com/articles/salmon-oil-benefits
- https://www.pobpad.com/น้ำมันปลา-กับประโยชน์ต่