ทำไมถึงต้องปวดประจำเดือน??
เมื่อเริ่มมีประจำเดือนผู้หญิงส่วนใหญ่จะมีอาการปวดท้องขณะมีประจำเดือน บางคนจึงคิดว่าอาการปวดประจำเดือนนั้นเป็นสิ่งธรรมดาที่เกิดขึ้นระหว่างการมีประจำเดือน ถ้าคิดแบบนี้ก็คงจะใช้ได้กับคนที่มีอาการปวดประจำเดือนไม่มาก คือ ปวดพอรู้สึกรำคาญ ไม่ต้องรับประทานยาอาการก็หายไปเอง อาการปวดประจำเดือนนี้ส่วนใหญ่จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1-2 ของการมีประจำเดือน และจะหายไปภายใน 1-2 วัน แต่มีผู้หญิงบางรายที่มีอาการปวดท้องมากขณะมีประจำเดือนทุกครั้ง จะต้องรับประทานยาแก้ปวด เช่น พาราเซตามอล 2 เม็ด อาการจึงทุเลา ซึ่งลักษณะการปวดประจำเดือนทั้ง 2 อย่างที่กล่าวมาแล้วถือว่าเป็นเรื่องปกติที่เกิดได้ในผู้หญิง เป็นอาการปวดประจำเดือนที่ไม่รู้สาเหตุ แต่ส่วนใหญ่เมื่อแต่งงานแล้วอาการจะหายไป
การปวดประจำเดือนเป็นภาวะปกติที่พบบ่อยในผู้หญิงทั่วไป จากสถิติพบว่าในช่วงชีวิตของผู้หญิงแต่ละคนจะมีประสบการณ์การปวดประจำเดือนมากกว่า 50% และพบว่า 10% มีผลต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน รวมถึงบั่นทอนสุขภาพจิตของผู้หญิงอีกด้วย
แต่การเลือกกินอาหารก็ช่วยให้อาการปวดประจำเดือนนั้นดีขึ้นมาได้นะคะ มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง
1.ลดไขมัน ลดเนื้อสัตว์ เนื่องจากรายงานการวิจัยบอกไว้ว่า การลดปริมาณไขมันลงครึ่งหนึ่งจากที่เคยกิน จะช่วยลดระดับเอสโทรเจนขณะมีรอบเดือนได้ประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ และช่วยลดอาการปวดท้อง
2.เลือกกินปลา งานวิจัยชิ้นหนึ่ง ระบุว่า กรดโอเมก้า-3 หรือน้ำมันปลา มีคุณสมบัติช่วยลดอาการปวดท้อง และควบคุมปริมาณประจำเดือนให้มีน้อยลง
3.เพิ่มอาหารที่มีกากใย การได้รับใยอาหารจากผัก ผลไม้ และเมล็ดธัญพืชไม่ขัดสี ช่วยขับเอสโทรเจนส่วนเกิน จึงช่วยให้ปวดประจำเดือนน้อยลง
4.ลดเค็ม การกินอาหารที่มีส่วนผสมของโซเดียมน้อยลง ช่วยให้ผู้หญิงบางคน ลดอาการท้องอืด และบวมน้ำลงได้
5.งดเครื่องดื่ม ที่มีส่วนผสมของกาแฟอีน และแอลกอฮอลล์
6.กินอาหารแคลเซียมสูง คุณหมอซูซาน ธีร์-จาคอบ โรงพยาบาลเซนต์ลุค โรสเวลด์ ในนิวยอร์ก ให้คำแนะนำว่า การกินแคลเซียมวันละ 1,200 มิลลิกรัม จะช่วยลดอาการปวดประจำเดือนลงได้
รู้เคล็ดลับกันแล้วอย่างนี้แล้ว สาวๆ อย่าลืมนำไปทดลองทำกันดูนะคะ เผื่อจะช่วยบรรเทาได้บ้างคะ
ขอบคุณข้อมูลจาก : หนังสือ อาหารบำบัดโรค โดย ศัลยา คงสมบูรณ์เวช