อาการเวียนศีรษะ (Vertigo) หมายถึง อาการที่ผู้ป่วยเกิดความรู้สึกมีการเคลื่อนไหวของร่างกาย หรือสิ่งแวดล้อมทั้งที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริง โดยอาจจะเป็นเพียงความรู้สึกโคลงเคลง(คล้ายยืนอยู่บนเรือ)หรือเวียนมากจนเหมือนตัวหมุนหรืออาจรู้สึกราวกับว่าพื้นกำลังพลิกคว่ำได้
อาการเวียนศีรษะเกิดจาการทำงานที่ผิดปกติของระบบประสาทควบคุมการทรงตัว โดยเฉพาะระบบประสาทบริเวณสมอง รอยโรคอาจอยู่ตรงหูชั้นในส่วนที่เรียกว่าเวสติบูล่าร์ (vestibular)หรือตรงเส้นประสาทที่ส่วนที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการควบคุมทรงตัว ณ บริเวณก้านสมองหรือสมองน้อยตรงส่วนท้ายทอย (Brain stem or Cerebellar) ก็ได้
อาการเวียนศีรษะจึงไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นโรคสมองเสมอไป
โรคที่ทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะมีหลายโรค แต่โรคที่พบได้บ่อยๆมีอยู่ไม่กี่โรคหากแบ่งตามตำแหน่ง ตัวอย่างโรคที่พบบ่อยที่เกิดจากความผิดปกติส่วนเวสติบูลาร์ได้แก่
- โรคตะกอนหินปูนในหูชั้นในหลุดผิดที่ BPPV (Benign Paroxysmal Positional Vertigo)
- โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน (โรคมินิแอร์ Meniere’s disease)
- โรคเส้นประสาทหูส่วนเวสติบูล่าร์อักเสบ (Vestibular Neuronitis)
- โรคหลอดเลือดสมองอุดตัน
โรคเวียนศีรษะ (BPVV)
โรคนี้เป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้ป่วยมาพบแพทย์ด้วยอาการเวียนศีรษะบ่อยที่สุดถึงร้อยละ 60 – 80 ผู้ป่วยจะมีอาการเวียนศีรษะเมื่อมีการเปลี่ยนท่าทาง หรือ มีการหันของศีรษะ เช่น จากท่านอนเป็นนั่ง หรือ นั่งเป็นนอน หันศีรษะซ้ายขวา หรือ เมื่อ ก้มเงยศีรษะ โดยอาการเวียนศีรษะจะเป็นอยู่ประมาณ 30 – 60 วินาที
ก่อนจะหายไปและจะกลับมาเป็นซ้ำได้ใหม่ หากมีการเคลื่อนไหวของศีรษะอีก เกิดจากตะกอนหินปูนในหูชั้นในหลุด และ เคลื่อนมาอยู่ผิดตำแหน่ง
ผู้ป่วยมักจะเริ่มพบว่ามีอาการตั้งแต่ตื่นนอน ขณะกำลังหันศีรษะ หรือ พลิกตะแคงตัว หรือ ขณะกำลังทำกิจกรรมต่างๆ นอกจากนี้ยังมีอาการอื่นที่พบร่วมได้บ่อย เช่น คลื่นไส้อาเจียน เหงื่อออก ใจสั่น เป็นต้น
โรคนี้มักเป็นในผู้ป่วยที่มีอายุมากกว่า 40 ปี ขึ้นไป ปัจจัยกระตุ้นให้เกิดอาการ คือ การเคลื่อนไหวของศีรษะไปมาบ่อยๆ ยิ่งหันไปมาเร็วๆ จะทำให้เป็นได้ง่ายขึ้น
วิธีรักษา BPVV
คือ การให้แพทย์จัดท่าเพื่อให้ตะกอนหินปูนกลับเข้าที่เดิม และ ตรวจวินิจฉัยแยกโรคอื่นที่อาจทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะได้ ควรมาพบแพทย์โดยเร็วเพื่อรับการตรวจวินิจฉัย หาโรคร้ายแรงอื่นๆ โดยเร็ว
หากมีอาการเวียนศีรษะร่วมกับอาการอื่นๆดังต่อไปนี้
– ปวดศีรษะรุนแรง
– ระดับความรู้สึกตัวลดลงหรือหมดสติ
– การมองเห็นผิดปกติ เช่น มองเห็นภาพซ้อน
– การได้ยินเสียงผิดปกติ
– พูดไม่ชัด กลืนลำบาก
– แขนขาอ่อนแรง
– ชา ระดับความรู้สึกสัมผัสผิดปกติ
– เดินเซผิดปกติ
ขอบคุณข้อมูลจากโรงพยาบาลธนบุรี1
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
โทร. 0-2421-3870 (เวลา 08.00-22.00น.)
HOT LINE 1645 กด 1 หรือ 0-2487-2000 ต่อ 7470-1
เปิดบริการทุกวัน
Email : th@thonburihospital.com
www. http://thonburihospital.com