โดยปกติแล้วเราอาจคุ้นเคยกับคอลลาเจนในฐานะตัวช่วยดูแลผิวให้เนียนนุ่ม ชุ่มชื้น และดูอ่อนเยาว์ แต่รู้ไหมว่านอกจากประโยชน์ในเรื่องของการดูแลผิวแล้ว คอลลาเจนยังเป็นตัวช่วยสำคัญสำหรับผู้ที่มีปัญหาผมร่วงผมบางอีกด้วย ขอชวนมารู้จักกับประโยชน์ของคอลลาเจนบำรุงผม พร้อมแนะนำเคล็ดลับในการดูแลรักษาเส้นผมและหนังศีรษะอย่างถูกวิธี ที่จะช่วยให้หนังศีรษะแข็งแรงและเส้นผมดูเงางามยิ่งขึ้น
คอลลาเจนบำรุงผมได้อย่างไร? เผยความลับที่คอลลาเจนมีต่อเส้นผม
เราทุกคนรู้ว่า คอลลาเจนคือโปรตีนชนิดหนึ่งที่เป็นส่วนประกอบสำคัญในร่างกาย มีอยู่ทั้งในผิว กระดูก เล็บ ข้อต่อ และแน่นอนว่าในเส้นผมของเรานั้นก็มีคอลลาเจนอยู่ด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งในช่วงที่เรายังอายุน้อย ร่างกายของเราจะมีปริมาณคอลลาเจนอยู่มาก ทำให้ผิวพรรณเนียนนุ่ม กระดูกและเล็บแข็งแรง และข้อต่อทำงานได้เต็มที่ ทำให้เราสามารถขยับร่างกายได้อย่างคล่องแคล่ว รวมถึงเส้นผมที่ดูนุ่มสลวยเป็นเงางาม แต่เมื่อเราอายุมากขึ้น ปริมาณคอลลาเจนในร่างกายก็จะลดน้อยลงไปตามธรรมชาติ ส่งผลให้ส่วนต่าง ๆ เริ่มเสื่อมสภาพ เช่นเดียวกับเส้นผมที่เริ่มอ่อนแอ ทั้งดูแห้งเสียและหลุดร่วงง่ายกว่าปกติ
ด้วยเหตุนี้ การดูแลเส้นผมอย่างถูกวิธี ตลอดจนการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผมที่มีส่วนประกอบของคอลลาเจน จึงเป็นเคล็ดลับที่จะช่วยฟื้นฟูหนังศีรษะให้แข็งแรง และช่วยให้เส้นผมที่อ่อนแอดูสุขภาพดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ การเลือกทานอาหารเสริมคอลลาเจนเปปไทด์หรือคอลลาเจนไตรเปปไทด์ก็เป็นหนึ่งในวิธีที่จะช่วยเพิ่มคอลลาเจนให้แก่ร่างกายได้เช่นเดียวกัน แต่ควรเช็กให้แน่ใจว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานและผ่านการรับรองจาก อย. เพื่อบำรุงร่างกายได้อย่างปลอดภัยและห่างไกลจากผลข้างเคียง
4 เคล็ดลับดูแลผมอย่างถูกวิธี ยิ่งดูแล ยิ่งผมสวย
การสระผมอย่างถูกวิธี
สำหรับใครที่กำลังจะเริ่มหันมาดูแลสุขภาพเส้นผม สิ่งแรกที่เราควรให้ความสำคัญก็คือ การทำความสะอาดผม หรือการสระผมอย่างถูกวิธี เพราะถือเป็นขั้นตอนแรกที่จะช่วยให้เรามีผมสวยและหนังศีรษะที่แข็งแรง โดยในทุกครั้งก่อนสระผม ให้เราใช้หวีซี่ห่างแปรงผมอย่างเบามือ เพื่อสางเส้นผมที่พันกันและกำจัดสิ่งสกปรกที่ตกค้าง และเมื่อเริ่มสระ ให้เริ่มจากการชโลมน้ำเปล่าให้ทั่วหนังศีรษะ และทำความสะอาดด้วยแชมพูเฉพาะบริเวณหนังศีรษะเท่านั้น โดยใช้วิธีนวดด้วยปลายนิ้วแทนการเกาด้วยเล็บ เพราะอาจทำให้เส้นผมขาดและทำให้หนังศีรษะอักเสบได้ ซึ่งในการสระด้วยแชมพู ควรสระ 2-3 ครั้งขึ้นไป หลังจากนั้นให้เราใช้ครีมนวดผมหรือทรีตเมนต์หมักเฉพาะบริเวณปลายผม ทิ้งไว้ 1-3 นาที แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาดจนแน่ใจว่าไม่มีฟองหลงเหลืออยู่ ที่สำคัญคือ ทุกครั้งที่สระผม ควรใช้เฉพาะน้ำอุณหภูมิห้องหรือน้ำเย็น เพื่อช่วยปิดรูขุมขน ทำให้เส้นผมดูเงางาม และช่วยให้หนังศีรษะแข็งแรง ไม่แห้งลอกเป็นขุยง่าย
การหวีที่ถูกต้อง
หลังจากที่เราสระผมแล้ว ขั้นตอนถัดมาก็คือ การหวีผม ซึ่งเป็นเรื่องที่ควรใส่ใจไม่แพ้กัน เพราะการหวีที่ไม่ถูกวิธีนั้นอาจทำให้เกิดปัญหาผมขาดร่วงได้ง่ายกว่าปกติ แต่เชื่อว่าหลาย ๆ คนอาจเคยชินกับการหวีผมแรง ๆ เพื่อประหยัดเวลา แท้จริงแล้วเป็นวิธีที่ทำร้ายทั้งหนังศีรษะและเส้นผมเป็นอย่างมาก โดยวิธีที่ถูกต้องก็คือ หลังจากสระผม ให้เราใช้หวีซี่ห่างค่อย ๆ สางผมอย่างเบามือที่สุด เพื่อสางผมที่พันกันและช่วยให้ผมแห้งเร็วขึ้น และหลังจากที่ผมแห้งแล้ว ให้ใช้หวีหรือแปรงที่ถนัดค่อย ๆ หวีจากปลายผม แล้วจึงเริ่มหวีจากส่วนบนลงมาอีกครั้ง วิธีนี้จะช่วยลดปัญหาผมขาดร่วง และช่วยกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนได้ดี ทำให้เส้นผมดูเงางามและหนังศีรษะแข็งแรงขึ้น
การใช้ความร้อนที่เหมาะสม
ปัจจุบันนี้เส้นผมของเราต้องเผชิญกับความร้อนจากอุปกรณ์ต่าง ๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งไดร์เป่าผม เครื่องหนีบผม/ม้วนผม และบางคนอาจใช้หวีไฟฟ้าเป็นประจำทุกวันอีกด้วย รู้หรือไม่ว่าความร้อนเหล่านี้ เป็นตัวการที่ทำให้หนังศีรษะผลิตน้ำมันตามธรรมชาติได้น้อยลง จนทำให้ผมดูแห้งเสียอย่างหนัก แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะในการที่เราจะฟื้นฟูเส้นผมนั้นไม่จำเป็นจะต้องเลิกใช้อุปกรณ์เหล่านี้ เพียงแค่ใช้อุณหภูมิความร้อนให้เหมาะสมก็เพียงพอ โดยหากเป็นการไดร์ผม ให้ใช้การเป่าลมร้อนสลับกับลมเย็น และเป่าให้ห่างจากหนังศีรษะอย่างน้อย 6 นิ้ว และหากเป็นอุปกรณ์อื่น ๆ เช่น เครื่องหนีบ/ม้วนผม หวีไฟฟ้า หรือเครื่องลอนผม ให้ปรับอุณหภูมิไม่เกิน 180-200 องศา โดยก่อนใช้ควรป้องกันผมด้วยสเปรย์หรือออยล์กันความร้อนก่อนทุกครั้ง
การเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผมที่ใช่
ปิดท้ายด้วยเคล็ดลับการเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผมที่มีประสิทธิภาพ เพื่อช่วยเติมเต็มคอลลาเจนพร้อมบำรุงหนังศีรษะและเส้นผมอย่างมีประสิทธิภาพ โดยควรพิจารณาแชมพูที่ปราศจากซิลิโคนและน้ำหอม และเน้นไปที่ส่วนผสมจากธรรมชาติ หรือส่วนผสมที่มอบความชุ่มชื้นให้หนังศีรษะ เช่น มอยส์เจอไรเซอร์ เซราไมด์ เคราติน หรือน้ำมันจากธรรมชาติอย่างน้ำมันมะพร้าวและน้ำผึ้ง แต่หากใครที่แพ้น้ำมันเหล่านี้ อาจเลือกเป็นแชมพูสูตรอ่อนโยนเป็นพิเศษ เพื่อลดการระคายเคืองและลดโอกาสแพ้
และทั้ง 4 เคล็ดลับนี้ก็คือแนวทางการดูแลผมอย่างถูกวิธี เพื่อเติมคอลลาเจนบำรุงผมและหนังศีรษะ หากทำอย่างต่อเนื่องเป็นประจำ เชื่อได้เลยว่าหนังศีรษะจะเริ่มแข็งแรงขึ้น หมดปัญหาหนังศีรษะแห้ง ลอกเป็นขุย และยังช่วยให้เส้นผมดูนุ่มสลวย เป็นเงางาม และขาดร่วงน้อยลงอย่างแน่นอน