ร๊อน…..ร้อน เหลือเกินแดดประเทศไทยช่วงนี้ หลายคนคงรู้สึกแสบผิวทุกครั้งที่ออกไปข้างนอก เพราะแสงแดดจากดวงอาทิตย์ตรงเข้ามาทำร้ายผิวของเราอย่างจัง ดังนั้นจึงต้องหาวิธีป้องกันแสงแดด วิธีที่ง่ายที่สุดคือการทาครีมกันแดด เหมือนจะเป็นสิ่งที่คุ้นแลทำกันเป็นประจำ แต่คุณๆ เคยมีข้อสงสัยกันบ้างไหมคะว่า วิธีใช้ครีมกันแดดตามความเข้าใจของเราเองนั้น ถือว่าถูกต้องตามหลักวิชาการหรือไม่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์คลินิก ด็อกเตอร์ แจนเนต กราฟ แพทย์ผิวหนัง ศูนย์การแพทย์เมาท์ซีไนน์ กรุงนิวยอร์ค ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้แนะวิธีที่ถูกต้องไว้ 4 ข้อดังนี้
1. ค่าSPF (Sun Protection Factor) สูงกว่า 30 ไม่จำเป็นเสมอไป เนื่องจากครีมกันแดดที่มีค่าเอสพีเอฟ 30 นั้นสามารถป้องกันรังสีอัลตร้าไวโอเล็ตได้ถึงร้อยละ 97 อยู่แล้ว แม้จะเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่าสูงกว่านั้นก็จะสามารถป้องกันรังสีอัลตร้าไวโอเล็ตเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย (ร้อยละ 97-98)
2.ควรเลือกครีมกันแดดที่เป็น “broad-spectrum” เพราะนั่นแสดงว่า ครีมกันแดดชนิดนั้นสามารถป้องกันได้ทั้งรังสียูวีเอ (UVA – Ultraviolet A) มีความยาวคลื่น 320-400 นาโนมิเตอร์ ซึ่งสามารถทะลุไปถึงชั้นผิวหนังกำพร้าและชั้นหนังแท้ ทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่น เกิดริ้วรอยก่อนวัย สีผิวคล้ำเข้ม ขาดความสดใส ส่วนรังสียูวีบี (UVB – Ultraviolet B) มีความยาวคลื่น 290-300 นาโนมิเตอร์ ทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้น เกิดอาการแสบร้อน แดง และไหม้เกรียม
3. ก่อนสวมเสื้อผ้าควรทาครีมกันแดด ถ้าคุณต้องออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้ง เช่น เล่นกีฬา หรือ เที่ยวทะเล ควรทาครีมกันแดดทั่วตัว ซึ่งจำเป็นต้องทาก่อนสวมเสื้อผ้าเพื่อให้ครอบคลุมอวัยวะทุกส่วน ทาครีมประมาณ 9 ช้อนชาให้ทั่วลำตัว ส่วนใบหน้าและลำคอทาครีมประมาณ 1-2 ช้อนชา
4. ทาครีมก่อนออกแดด ครีมกันแดดจำเป็นต้องใช้เวลาซึมซาบเข้าสู่ผิวเพื่อให้สามารถป้องกันรังสีอัลตร้าไวโอเล็ตได้ อย่างน้อย 20 นาที หากคุณทาครีมกันแดดแล้ว ออกแดดทันที ถือว่าเปล่าประโยชน์เพราะรังสีอัลต้าไวโอเล็ตจะทะลุผ่านเข้าไปทำลายผิวได้
เห็นวิธีการใช้ครีมกันแดดแล้วง่ายใช่ไหมค่ะ คราวนี้…จะออกไปเจอแดดแรงแค่ไหนก็ไม่กลัวผิวเสีย แล้วค่ะ
ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : cheewajit